บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ประกาศเข้าร่วมลงทุนในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ประเทศอินโดนีเซีย ผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ PT TOP Investment Indonesia โดยเข้าถือหุ้น CAP ที่สัดส่วน 15.38% ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 39,116 ล้านบาท เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟินส์ โดย CAP มีแผนขยายกำลังการผลิตและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2 เพื่อรองรับปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่สูงขึ้นของประเทศ
การลงทุนในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของไทยออยล์ในการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ จากเดิมที่มีธุรกิจสายอะโรเมติกส์อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างธุรกิจของไทยออยล์มีความสมบูรณ์ครอบคลุมธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร โดยสายโอเลฟินส์มีข้อได้เปรียบที่สามารถนำไปเป็นสารตั้งต้นของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ขั้นปลายต่าง ๆ ที่หลากหลายกว่าสายอะโรเมติกส์
a
เนื้อหาของวิชาใช้เงิน ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ภาค โดยในแต่ละภาคจะมีเกม (Quest) ให้ลองเล่นสนุกกันด้วยค่ะ
วิชาใช้เงิน ภาคที่ 1 : แบ่งจ่าย
“แบ่งจ่าย” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง แนะนำให้ผ่อนชำระนะคะ แต่หมายถึงการให้เราแบ่ง “รายได้ที่ได้มาเป็นก้อน” ในแต่ละครั้ง หรือในแต่ละเดือน แจกจ่ายออกเป็นส่วนๆ ใส่กระปุกต่างๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. แบ่งจ่ายใส่ “กระปุกแห่งอนาคต” หรือจะใครจะเรียกว่ากระปุกแห่งความฝันก็ไม่ผิด โดยตั้งชื่อให้เป็น กระปุกฝันไกล (ฝันจะเป็นจริงในอีก 5-10 ปี หรือไกลกว่านั้นก็ได้) และ กระปุกฝันใกล้ (ฝันจะเป็นจริงในอีก 3-5 ปีข้างหน้า)
ตัวอย่าง กระปุกฝันไกล เช่น เราฝันไว้ว่าอยากมีเงินใช้ระหว่างอายุ 60-80 ปี เดือนละ 25,000 บาท โดยไม่ต้องทำงานหาเงินแล้วหลังอายุ 60 ปี เราจึงต้องมีเงินเต็มกระปุกเป็นจำนวน 6,000,000 บาท ณ วันที่เราอายุ 60 ปี เพื่อใช้ไปอีก 20 ปี (คิดตรงๆ โดยสมมุติว่าโลกนี้ไม่มีเงินเฟ้อ) ระหว่างนี้เราก็ค่อยๆ หยอดเงินเข้ากระปุกนี้ไปเป็นประจำจนเงินเต็มกระปุก
ตัวอย่าง กระปุกฝันใกล้ เช่นเราฝันว่าอยากจะมีเงินดาวน์รถใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้า เป็นเงิน 240,000 บาท ระหว่างนี้ทุกเดือนเราก็ต้องแบ่งเงินมาใส่เตรียมไว้ในกระปุกนี้ประมาณ 6,667 บาท ต่อเดือน
2. แบ่งจ่ายใส่ “กระปุกขาประจำ” เตรียมไว้สำหรับทุบกระปุก นำเงินมาจ่ายจริงเมื่อถึงรอบจ่าย ตัวอย่างเช่น กระปุกค่างวดรถเดือนละ 5,000 บาท, กระปุกค่าผ่อนบ้าน เดือนละ 8,000 บาท, กระปุกเบี้ยประกัน ปีละ 300,000 บาท (หรือเดือนละ 25,000 บาท) หรือกระปุกค่าเทอมลูก ซึ่งกระปุกขาประจำก็คือ เงินที่เราเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่มาเป็นประจำเท่าๆ กัน ในแต่ละงวดนั่นเอง
3. แบ่งจ่ายใส่ “กระปุกขาจร” ตัวอย่างของเงินในกระปุกขาจร ก็คือเงินที่ถูกแบ่งไว้เป็น ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ค่าสนุกสนาน เป็นต้น
4. กระปุกฉุกเฉิน ชื่อก็บอกชัดว่าเราจะทุบกระปุกนี้ได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ดังนั้นให้นำกระปุกนี้ไปฝังดิน หรือเก็บไว้ห่างๆ อย่างห่วงๆ หากไม่มีเหตุฉุกเฉินเช่นรายได้ลดลงกระทันหัน เราก็เก็บเงินในกระปุกนี้ให้คงเหลือไว้นิ่งๆ เป็นจำนวนเท่ากับ = (เงินในกระปุกขาจร และกระปุกขาประจำ ต่อเดือน) x 6 เดือน **หากมีเหตุฉุกเฉินนำเงินไปใช้ ก็ควรจะรีบนำเงินกลับมาเติมกระปุกนี้ให้เต็มโดยเร็วที่สุด
เกมท้ายบทเรียน วิชาใช้เงิน ภาคที่ 1 :
1. จดชื่อกระปุกต่างๆ ของตนเองลงในกระดาษ พร้อมประเมินว่าเงินเต็มกระปุกของแต่ละกระปุกคือเท่าไร?
2. ในแต่ละเดือนควรจ่ายเงินเข้าแต่ละกระปุก เป็นจำนวนเงินกระปุกละกี่บาท เพื่อให้เต็มกระปุกภายในกีปี?
3. นำรายได้ในแต่ละเดือน มาแบ่งจ่ายใส่กระปุกต่างๆ ตามจำนวน โดยจ่ายให้หมดห้ามเหลือเงินไว้นอกกระปุก
ผู้ชนะในเกมนี้ก็คือผู้ที่สามารถแบ่งเงินที่ได้มาในแต่ละเดือน ไปหยอดได้ครบทุกกระปุก ตามจำนวนที่กำหนดในข้อ 2 และเมื่อสอบผ่านแล้ว เราก็เข้าสู่วิชาใช้เงิน ภาค 2 ได้เลยค่ะ
วิชาใช้เงิน ภาคที่ 2 : ใช้ให้หมด
หาเงินมาทั้งที ก็ต้องใช้เงิน และจะใช้ทั้งทีก็ต้องใช้ให้หมดด้วย! แต่คำว่า “ใช้ให้หมด” ในที่นี้ขอให้หมายถึง “ใช้เงินในทุกกระปุก ทำงานให้หมด” เราทำงานหนักแล้ว ให้เงินช่วยเราทำงานบ้าง แต่ก่อนจะใช้เงินให้ทำงานได้ เราต้องศึกษานิสัยของเงินในแต่ละกระปุกกันก่อนค่ะ
กระปุกแห่งอนาคต หรือกระปุกแห่งความฝัน นิสัยของเงินในกระปุกนี้ คือ ขยัน และชอบร้องเพลง “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง” โดยเฉพาะเงินในกระปุกฝันไกล เราสามารถใช้ให้เขาทำงานแบบเสี่ยงได้มากกว่าเงินในกระปุกอื่นๆ เช่นใช้เงินในกระปุกนี้ไปทำงานเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือไปเป็นกองทุนต่างๆ ในตลาดหุ้น เป็นต้น ส่วนเงินในกระปุกฝันใกล้ ก็ให้เขาทำงานแบบเสี่ยงต่ำลงมาหน่อย เช่นให้เขาไปทำงานเป็นหุ้นกู้ หรือไปเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้ เป็นต้น
เมื่อเราให้เงินช่วยทำงาน เงินในกระปุกฝันไกลและฝันใกล้ จึงงอกเงยแตกตัวเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ได้เองระหว่างทำงานให้เรา ผลก็คือเราสามารถมีฝันที่ใหญ่ขึ้น หรือเราสามารถมีจำนวนความฝันที่เยอะขึ้นได้ด้วยเช่นกันค่ะ ทั้งนี้เราต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความเสี่ยงในการใช้เงินทำงาน หรือความเสี่ยงในการนำเงินในกระปุกนี้ไปลงทุนนั่นเอง ความรู้ช่วยลดความเสี่ยงได้ เราจึงต้องศึกษาเอกสารการลงทุนด้วยทุกครั้ง หรือมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่มีความชำนาญเป็นผู้ช่วยเราดูลาดเลาด้วย
กระปุกขาประจำ เงินในกระปุกนี้เขามีนิสัย ขี้กลัว เพราะเขาขี้กลัว เราจึงใช้เงินในกระปุกนี้ทำงานเสี่ยงมากไม่ได้ ตัวอย่างการใช้เงินในกระปุกนี้ทำงาน เช่น เอาเงินในกระปุกนี้ไปทำงานในบัญชีฝากประจำ 6 เดือน บัญชีออมทรัพย์ หรือให้เงินไปทำงานในกองทุนตลาดเงิน ที่ความเสี่ยงไม่เกินระดับ 3 ซึ่งเราสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และพอจะมั่นใจได้ว่าเงินต้นไม่หดหายไปอย่างน่าตกใจ เพราะเงินในกระปุกนี้คือเงินที่เราต้องเตรียมไว้ทุบกระปุกออกมาใช้ในระยะเวลา 12 เดือน หรือต่ำกว่านั้น
กระปุกขาจร เงินในกระปุกนี้เขามีนิสัย ขี้เกียจ เราจึงใช้เงินในกระปุกนี้ให้ทำงานหนักๆ ไม่ได้ แต่เราจะใช้เขาได้ในแง่ของการนำเงินในกระปุกนี้ไปซื้อความสุขในชีวิตประจำวัน เมื่อเราจัดสรรเงินไว้อย่างดีแล้วในแต่ละกระปุกที่กล่าวมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ เราก็สามารถใช้เงินขี้เกียจในกระปุกนี้ ซื้อความสุขให้เราได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าตอนเล่นเกม ท้ายบทเรียน วิชาใช้เงิน ภาคที่ 1 เรายังไม่สามารถมีเงินไปหยอดในกระปุกแรกๆ ได้อย่างเพียงพอ เราก็ต้องใช้ใจเราช่วยทำงานแทนเงิน นั่นก็คือ อดทน อดกลั้น ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลดจำนวนเงินที่ต้องหยอดเข้ากระปุกนี้ให้ได้ เงินขี้เกียจไม่ต้องเลี้ยงไว้เยอะก็ได้ จริงไหมคะ
เกมท้ายบทเรียน วิชาใช้เงิน ภาคที่ 2 : ลองคำนวณเล่นๆ ว่าในปีที่ผ่านมาเราเพิ่มเงินเข้ากระปุกเงินขยัน เงินขี้กลัว และเงินขี้เกียจ คิดเป็นสัดส่วนเท่าไร? เรามีแผนเพิ่มเงินขยันอย่างไร และมีแผนปฏิบัติการจู่โจม ลดจำนวนเงินขี้เกียจลงได้อย่างไรบ้าง?
วิชาใช้เงิน ภาคที่ 3 : จดให้ยับ
จดให้ยับ ก็คือการที่เราควรจดบันทึกความเคลื่อนไหวของเงินในทุกกระปุกเอาไว้ทั้งหมด ข่าวดีคือในปัจจุบันมีแอปพลิเคชัน ต่างๆ มากมายเป็นผู้ช่วยเราได้
กระปุกฝันใกล้ กระปุกฝันไกล และกระปุกขาประจำ : แอปพลิเคชันที่ช่วยเราจดบันทึกความเคลื่อนไหวได้ก็คือ แอปพลิเคชันการลงทุนของสถาบันต่างๆ ที่เราสั่งให้เงินไปประจำการ ทำงานให้เราอยู่นั่นเอง
กระปุกขาจร และตอนทุบกระปุกขาประจำ นำเงินออกมาใช้ การจดยับแบบละเอียดยิบ จะช่วยทำให้เราจดจำได้ว่า เรานำเงินไปใช้ซื้อความสุขอะไรบ้าง ซึ่งก็มีแอปพลิเคชันต่างๆ มากมายในมือถือ ที่ช่วยเราจดบันทึกได้อย่างรวดเร็ว และเป็นหมวดหมู่ แนะนำให้จดเมื่อจ่ายในทันทีจะได้ไม่ลืม การจดจะช่วยให้เราคิดหาแผนปฏิบัติการจู่โจม ลดเงินขี้เกียจได้อย่างแม่นยำด้วยค่ะ
บทสรุปพร้อมเกมส่งท้าย : สนุกกับการหาเงินแล้วต้องสนุกกับการใช้เงินด้วย หวังว่าวิชาใช้เงินจะช่วยให้เราสนุกกับการใช้เงินอย่างถูกวิธี เมื่อเราเพิ่มเงินขยัน ลดเงินขี้เกียจได้ เราก็จะมีเงินใช้เพลินๆ ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน และสำหรับเกมส่งท้ายก็คือ ขอท้าทายให้ทุกคนลองนำวิชาใช้เงินไปใช้จริง ติดตามการทำงานของเงินแต่ละกระปุก และนำวิชานี้ไปบอกต่อค่ะ
ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand , TFPA Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th
วิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TOP กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าลงทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 1,183 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 39,116 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้นไม่เกิน 15.38% ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งตามระเบียบของรัฐบาลรัฐอินโดนีเซียกำหนดให้ทำธุรกรรมการลงทุนผ่านการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน (Rights Offering)
ทั้งนี้ TOP จะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 15% ของหุ้นทั้งหมดของ CAP ในราคาไม่เกิน 914 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 30,222 ล้านบาท ด้วยวิธีการ
1. จองซื้อหุ้นใหม่ตามการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนใน CAP ในการนี้ TOP จะเข้าซื้อสิทธิจาก PT Barito Pacific Tbk, Marigold Resources Pte. Ltd. และ Mr. Prajogo Pangestu ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เดิม และจะใช้สิทธิสูงสุดตามจำนวนสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทมีสิทธิ
2. บริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อสำรองในการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน (Standby Purchaser) เพื่อเข้าซื้อและใช้สิทธิทั้งหมดที่ยังไม่ได้ใช้
3. เข้าซื้อหุ้นเดิม (Secondary Share) จาก Mr. Prajogo Pangestu ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ CAP ในกรณีที่บริษัทต้องลงทุนเพิ่มเติม (Top up) เพื่อให้บริษัทถือหุ้น 15% ใน CAP
นอกจากนั้น ภายในระยะเวลา 5 ปีบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในสัดส่วน 0.38% ของหุ้นทั้งหมดของ CAP โดยหาก CAP มีการอนุมัติการลงทุนในการพัฒนาและก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีของ CAP2 โดยจะมีมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,928 ล้านบาท หรือหากไม่มีการอนุมัติการลงทุนภายในระยะเวลา 5 ปีจะมีมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 3.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 129 ล้านบาท
บทความที่เกี่ยวข้อง