ตั้งเป้าหมายการออม ชีวิตไม่ขาดแคลน
ฉัตรี ชุติสุนทรากุล นักวางแผนการเงิน CFP®
หากมีคนถามว่า “เงินมีค่าที่สุดตอนไหน” คำตอบคงหนีไม่พ้น มีค่าตอนมีความจำเป็นต้องนำไปใช้
ลองจินตนาการว่า หากเรามีเงิน 1 ล้านบาทอยู่ในบัญชี โดยที่ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะนำเงินไปใช้เพื่ออะไร เงิน 1 ล้านบาทก็จะให้คุณค่าเป็นดอกเบี้ยรับ และความอบอุ่นมั่นคงทางจิตใจ ให้รู้ว่าเรามีความมั่งคั่งสุทธิอยู่เป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท
ในทางกลับกันหากเราจำเป็นต้องใช้เงิน 1 ล้านบาทในการผ่าตัดบายพาสหัวใจ คุณค่าของเงิน 1 ล้านบาทเท่ากับชีวิตหนึ่งชีวิต หรือหากมีเป้าหมายการนำเงิน 1 ล้านบาท ไว้สำหรับให้ลูกเริ่มต้นธุรกิจหลังเรียนจบ คุณค่าของเงิน ก็คือ อนาคตของลูก และมูลค่าการเติบโตของธุรกิจที่ลูกจะสร้างขึ้นในอนาคต
เป้าหมายการออมเพื่อให้มีเงินจำนวนหนึ่งในอนาคต เพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ หากเป้าหมายนั้นสำคัญมาก ก็จะทำให้มีพลังกาย พลังใจ และมีแรงผลักดันในการหาเงิน และมีวินัยในการออมเงินมากยิ่งขึ้น
ตั้งเป้าหมายการออม
หากเรากำลังสอนเด็กให้เริ่มหัดออมเงิน ควรเริ่มจากการให้เด็กฝึกออมเงินเพื่อเป้าหมายระยะสั้นก่อน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ลิ้มรสชาติของความสุขจากการเก็บออมเพื่อให้ได้ในสิ่งที่อยากได้ เช่น ออมเพื่อไปเที่ยวและกินขนมในช่วงวันหยุดยาว ซื้อของเล่นหรืออุปกรณ์กีฬา หรือนำไปใช้ร่วมกิจกรรมเข้าค่าย หรือท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ
แต่สำหรับวัยเริ่มทำงาน การตั้งเป้าหมายการออมควรเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายใหญ่ และสำคัญที่สุดในชีวิตก่อน ซึ่งมักจะเป็นเป้าหมายระยะยาว เช่น
เมื่อตั้งเป้าหมายใหญ่แล้ว ก็ต่อด้วยเป้าหมายระยะกลาง และระยะสั้นอื่น ๆ เพื่อความสุขทางใจ เช่น
Timeline การออม
การกำหนดกรอบเวลาการออม เพื่อให้รู้ว่าจะมีเวลาเก็บออมนานเท่าไรในแต่ละเป้าหมาย เพื่อให้มีเงินก้อน ตามเวลาที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละเป้าหมาย เช่น
เมื่อทราบระยะเวลาการออมแล้ว ก็เริ่มตั้งเป้าหมายการเก็บเงินเป็นรายเดือน สำหรับแต่ละเป้าหมาย เช่น
เครื่องมือการออม
เป้าหมายระยะยาว (มากกว่า 5 ปีขึ้นไป) เช่น เป้าหมายการใช้ชีวิตหลังเกษียณที่มีระยะเวลาออมมากกว่า 5 ปี สามารถใช้เครื่องมือการออมที่มีระดับความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าการออมไว้ในบัญชีสะสมทรัพย์ หรือบัญชีฝากประจำทั่วไปได้ เนื่องจากมีระยะเวลาการออมที่นาน และมีการทยอยออมเงินทุกเดือน (Dollar Cost Average - DCA) ทำให้ลดความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ เช่น
ซึ่งประโยชน์ของการออมในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น คือ ผลตอบแทนคาดหวังที่สูงขึ้น เพื่อเงินก้อนที่เพิ่มขึ้นจากการออม
นอกจากกองทุนและหุ้นที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เครื่องมือการออมที่เหมาะสำหรับเป้าหมายเกษียณ คือกองทุน RMF และ SSF ที่ช่วยวางแผนประหยัดภาษี ไปพร้อมกับการออมเพื่อเป้าหมายเกษียณ
เป้าหมายระยะกลาง (3 - 5 ปี) อาจจะใช้เครื่องมือการออมที่เหมือนกับเป้าหมายระยะยาวได้ แต่ให้ปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนให้มีเงินออมอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเป็นสัดส่วนที่มากขึ้น
เป้าหมายระยะสั้น (1 – 3 ปี) เครื่องมือการออมที่เหมาะสม คือ การแบ่งเงินออมจากบัญชีรับเงินเดือน มาเก็บไว้ในสินทรัพย์ลงทุนอื่น ๆ เช่น
ในปัจจุบัน ธนาคารต่าง ๆ มีแอปพลิเคชั่น หรือเมนูพิเศษ สำหรับการตั้งเป้าหมายการออมผ่านเกมการออม โดยการแบ่งเงินออกจากบัญชีสะสมทรัพย์หลักมาเก็บไว้เป็นส่วน ๆ เพื่อเป้าหมายระยะสั้นต่าง ๆ สามารถช่วยจัดระเบียบการจัดสรรเงินก่อนใช้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีสะสมทรัพย์ทั่วไปด้วย
ติดตามเป้าหมายการออม
การติดตามเป้าหมายการออม เป็นการสร้างความสุขระหว่างออมเหมือนการปลูกต้นไม้และคอยเฝ้าดูการเติบโตจนกระทั่งต้นไม้ออกดอก ออกผล โดยเฉพาะการออมเพื่อเป้าหมายระยะยาว ระหว่างออมอาจเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ที่ถืออยู่ ซึ่งควรวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้ยังคงบรรลุเป้าหมายการออมได้ในอนาคต เช่นเดียว กับการเฝ้าระวังศัตรูพืชและภัยธรรมชาติตลอดระยะเวลาที่ปลูกต้นไม้ ส่วนการติดตามเป้าหมายระยะสั้นก็เป็นเหมือนการ count down เพื่อให้ได้ในสิ่งที่กำลังปรารถนา เงินก้อนที่ออมได้จนสำเร็จ คือ รางวัลของคนที่มีความฝัน และลงมือทำให้กลายเป็นความจริง
ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th
บทความที่เกี่ยวข้อง