เก็บเงินไว้รักษาตัวเองหรือซื้อประกันสุขภาพ

โดย สุปาณี เกษมสัมพันธ์ นักวางแผนการเงิน CFP®

เก็บเงินไว้รักษาตัวเองหรือซื้อประกันสุขภาพ

โดย สุปาณี เกษมสัมพันธ์ นักวางแผนการเงิน CFP®
CFP_May_ST_0503

เก็บเงินไว้รักษาตัวเองหรือซื้อประกันสุขภาพ

สุปาณี เกษมสัมพันธ์ นักวางแผนการเงิน CFP®

สุปา

อาจเป็นคำถามในใจใครหลายคนสำหรับการเลือกตัดสินใจระหว่างสองวิธีนี้ ว่าจะเก็บเงินสำรองไว้เพื่อรักษาตัวเอง หรือ ซื้อประกันสุขภาพเพื่อโอนย้ายความเสี่ยง อย่างไรก็ดีทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุผลประกอบดังนี้

การเก็บเงินไว้รักษาตนเอง

กรณีเก็บเงินไว้เพื่อรักษาตัวเอง ข้อแรกที่ควรคำนึงถึงคือ งบประมาณที่ต้องการเก็บของแต่ละคนคือเท่าไร บางคน 1 ล้านบาทรู้สึกเพียงพอ บางคนต้องมี 5 ล้านบาท หรือบางคนต้องมี 30 ล้านบาทถึงจะอุ่นใจ และเพียงพอกับการรักษาที่ตัวเองต้องการ

ตัวอย่าง น.ส.เอ ต้องการเก็บเงินไว้เพื่อรักษาตนเอง 5 ล้านบาท ปัจจุบันน.ส.เอ อายุ 35 ปี ทยอยเก็บเงินจนได้ครบ 5 ล้านบาท อายุ 45 ปีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ต้องใช้ค่ารักษาพยาบาล เป็นค่าผ่าตัด 200,000 บาท เคมีบำบัด 445,788 บาท รังสีรักษา 200,000 บาท Target Therapy(ใช้ 1 ชนิด) 1,766,000 บาท(1) รวมค่าใช้จ่าย 2,611,788 บาท หลังจากใช้ไป ถ้า น.ส.เอต้องการเติมเงินค่ารักษาพยาบาลให้ครบ 5 ล้านบาท น.ส.เอ ต้องเริ่มทยอยเก็บเงินอีกครั้ง ซึ่งถ้าต่อมามีการรักษาซ้ำหรือเป็นโรคร้ายแรงด้านอื่น 5 ล้านบาทที่เตรียมไว้อาจจะไม่เพียงพอจำเป็นต้องขายสินทรัพย์อื่นที่มีอยู่เพื่อมาดูแลรักษาตนเองในอนาคต

                  สุปา1  

 

การซื้อประกันสุขภาพ

ปัจจุบันสัญญาประกันสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบค่ารักษาพยาบาลต่อการรักษาตัวหนึ่งครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี  หรือค่ารักษาพยาบาลแบบวงเงินเหมาจ่ายต่อปี เริ่มต้นตั้งแต่ 200,000 บาท จนถึง 120 ล้านบาทต่อปี  การเลือกแผนใดจะอยู่ที่การวางแผนการรักษาในโรงพยาบาลที่มีค่ารักษาอยู่ในระดับใด ความสามารถในการชำระเบี้ยต่อปี  และจำนวนปีที่ต้องการได้รับความคุ้มครองปัจจุบันคุ้มครองสูงสุดอยู่ที่ 99 ปี

ตัวอย่าง ถ้า น.ส.เอ อายุ  35 ปี มีความประสงค์ทำประกันสุขภาพ ณ ปัจจุบันจนถึงอายุ 99 ปีค่าเบี้ยประกันรวมทั้งสัญญาคือ 7,658,800 บาท(2)  ถ้าเกิดเหตุต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลตามตัวอย่างข้างต้นจะครอบคลุมวงเงินค่ารักษาและในปีต่อไปวงเงินก็จะกลับมาเต็มใหม่ที่ 5 ล้านบาทเสมอทุกปี ทำให้วางแผนค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาลได้

จากตัวอย่างถ้า น.ส.เอ ทำประกันสุขภาพวงเงิน 5 ล้านบาทต่อปี ตรวจพบมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลรักษาพยาบาลได้ดังนี้  

            สุปา2

 

 

                สุปา3

 

การเก็บเงินสำรองไว้เพื่อรักษาตัวเอง หรือ ซื้อประกันสุขภาพนั้น จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันตามที่กล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตามการวางแผนประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในการวางแผนทางการเงิน เพราะจะทราบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและวางแผนในการเก็บเงินได้ การจัดสรรเงินเพื่อแผนประกันสุขภาพควรอยู่ในงบประมาณที่เหมาะสม เพียงพอกับการรักษาแบบที่เราต้องการ และคำนึงถึงเบี้ยประกันที่มีการปรับเพิ่มตามอายุ หนึ่งแผนการเงินที่สำเร็จจะสามารถต่อยอดไปยังแผนการวางแผนทางการเงินด้านอื่นๆได้

 

 

ที่มา

(1) โรคมะเร็งกับค่ารักษาพยาบาลด้วย Targeted Therapy | กรุงเทพประกันชีวิต (bangkoklife.com)

(2) เบี้ยประกันค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสุขภาพ หญิง อายุ 35-99 ปี (เฉพาะเบี้ยสุขภาพ)

(3) https://thaicancersociety.com/rights-to-health-care/

(4) https://thaicancersociety.com/rights-to-health-care/cancer-anywhere/

 

ติดตามความรู้และข่าวสารสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้ที่ LINE@cfpthailand, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย Facebook Fanpage และ www.tfpa.or.th

 

                                                    

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง: เก็บเงิน ประกันสุขภาพ

  บทความที่เกี่ยวข้อง